วันนี้จะลองมาพูดถึงเรื่องสารกันแดด ครีมกันแดดและแป้งพัฟกันแดดกันอย่างเต็มทีเสียหน่อย เพราะว่าแสงแดดบ้านเรานั้นร้อนอย่างกับไฟเผา ทำให้ทั้งอุปกรณ์และครีมสารพัดที่จะกันแดดกลายเป็นเรื่อง
จำเป็นขึ้นมาทันที
หากเราสังเกตครีมกันแดด หรือแป้งกันแดดในท้องตลาดนั้น จะระบุระดับความสามารถในการกันแดด
ได้เป็น SPF หรือ Pa +++ หรือบางครั้งเราก็จะเห็นสัญลักษณ์นี้ทั้งสองตัวถูกระบุอยู่บนครีมกันแดดหรือ
แป้งพัฟกันแดด
ตั้งแต่ปี 2555 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกข้อกำหนดไว้ว่าต้องระบุ
ค่าการปกป้องผิวจากแสงแดดไว้อย่างชัดเจน และไม่ควรน้อยกว่า SPF 15 จึงจะสามารถปกป้องผิว
จากแสงแดดได้แต่ด้วยแดดที่ร้อนตับแตกของบ้านเรา ค่า SPF ที่ดีที่สุดนั้นควรจะอยู่ที่ SPF30 หรือ
มากกว่าขึ้นไป และควรทาซ้ำทุกๆสองชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและช่วยลดปัญหาเรื่องจุด
ด่างดำรวมถึงปกป้องผิวจากมะเร็งผิวหนังได้ด้วย สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายนั้น ควรจะเลือกครีมกันแดดที่
ปราศจากสีและน้ำหอม เพราะส่วนผสมเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผู้ที่แพ้ง่ายและควร
เลือกครีมกันแดดที่มีสารกรองรังสียูวีชนิดฟิสิคอล คือ ไทเทเนี่ยม ไดออกไซด์ซึ่งจะปลอดภัยและไม่ทำ
ให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวหนัง
ส่วนค่า PA+++ นั้นระบุเพื่อให้ทราบว่าครีมกันแดดนี้สามารถกรองรังสียูวีเอที่จะตรงเข้าแทรกซึมทำ
ร้ายผิวเราให้หมองไหม้และเกิดจุดด่างดำได้ โดยเป็นค่ามาตรฐานที่ถูกกำหนดในเครื่องสำอางที่มา
จากประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
ส่วนรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่ารังสียูวีนั้นมีสามชนิดด้วยกันคือUV-A, UV-Bและ
UV-Cแต่รังสีที่เป็นปัญหาสำหรับผิวของเรานั้นจะมีแค่รังสีUV-A และ UV-B เท่านั้นหากเราได้รับรังสี
ยูวีเหล่านี้ในปริมาณมากอาจจะเป็นบ่อเกิดของมะเร็งผิวหนังได้ โดเฉพาะเจ้ารังสียูวีเอที่สามาสารถ
ทะลุเข้าได้ถึงผิวชั้นในและทำปฏิกิริยาให้ผิวของเราเกิดจุดด่างดำและรอยเหี่ยวย่น ส่วนรังสียูวีบีนั้น
ไม่รุนแรงเท่าเพราะพวกมันทะลุถึงแค่ชั้นหนังกำพร้าแต่มันก็สามารถทำให้ผิวของเราไหม้ได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นนับจากนี้ก่อนออกจากบ้านสาวๆอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้ง โดยเฉพาะใบหน้าห้ามปล่อย
ปละละเลยเป็นอันขาด หากไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย หรือจะเลือกเป็นแป้งพัฟผสมสารกันแดดก็ได้ หาก
ต้องการความสะดวกสบาย และไม่ต้องการให้ใบหน้าเหนียวเหนอะหนะจากครีมกันแดดมากจนเกินไป